
โรคข้อเข่าเสื่อม ถือเป็นปัญหาด้านสุขภาพที่พบได้บ่อยในผู้สูงอายุ ซึ่งเกิดจากการใช้งานของข้อเข่ามาเป็นเวลานาน โรคข้อเข่าเสื่อม (Knee Osteoarthritis) คือโรคที่เกิดจากความเสื่อมของกระดูกอ่อนผิวข้อเข่า ทั้งทางด้านรูปร่าง โครงสร้าง การทำงานของกระดูกข้อต่อ และกระดูกบริเวณใกล้ข้อมีการสึกหรอและเสื่อมลงตามอายุ
การดูแลรักษาข้อเข่าเสื่อมหลังการผ่าตัด
การพักผ่อน: หลังการผ่าตัดรักษาข้อเข่าเสื่อม ผู้ป่วยควรพักผ่อนอย่างเพียงพอ โดยเฉพาะในช่วงสัปดาห์แรกๆ เพื่อให้ร่างกายมีเวลาฟื้นตัว
การใช้ยา: แพทย์จะสั่งยาแก้ปวดและอาจมียาต้านการอักเสบ ตามความจำเป็น ควรรับประทานยาตามที่แพทย์สั่งเพื่อควบคุมอาการปวดและลดการอักเสบ
การฟื้นฟูการเคลื่อนไหว: การเคลื่อนไหวข้อเข่าหลังการผ่าตัดรักษาข้อเข่าเสื่อมเป็นสิ่งสำคัญเพื่อฟื้นฟูการเคลื่อนไหวและป้องกันการติดขัด กายภาพบำบัดจะเริ่มต้นโดยเร็วหลังจากผ่าตัดและต่อเนื่องไปจนกระทั่งผู้ป่วยสามารถเดินได้ดี
การออกกำลังกายเฉพาะเจาะจง: กายภาพบำบัดจะแนะนำการออกกำลังกายที่เหมาะสมเพื่อเสริมสร้างกล้ามเนื้อรอบข้อเข่า เช่น การยืดเหยียด การยกขา และการเดินบนเทรดมิล
การจัดการกับน้ำหนักตัว: การรักษาน้ำหนักให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมเพื่อลดภาระที่ข้อเข่าต้องรับ ซึ่งจะช่วยลดการสึกหรอของข้อเข่าได้
การตรวจติดตามกับแพทย์: การเข้าพบแพทย์ตามนัดหลังการผ่าตัดรักษาข้อเข่าเสื่อมเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อตรวจเช็คความคืบหน้าของการฟื้นฟู และการประเมินสภาพข้อเข่าว่ามีปัญหาหรือความผิดปกติอื่นๆ เกิดขึ้นหรือไม่
การปรับเปลี่ยนสภาพแวดล้อมในบ้าน: อาจจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนบ้านให้เหมาะสมกับสภาพหลังผ่าตัด เช่น การติดตั้งราวจับในห้องน้ำ การจัดหาเก้าอี้นั่งชักโครกที่สูงขึ้น เพื่อช่วยสนับสนุนการเคลื่อนไหว
การรักษาข้อเข่าเสื่อมหรือการผ่าตัดข้อเข่าต้องใช้ความอดทนและความพยายามอย่างต่อเนื่อง แต่ด้วยการดูแลที่เหมาะสมและการปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด ผู้ป่วยสามารถคาดหวังการฟื้นตัวที่ดีและการกลับมาใช้ชีวิตปกติได้เร็วขึ้น